1.11.53

กฎธรรมชาติ

“คุณว่างหรือเปล่า” เสียงนั้นถาม ระหว่างที่ฉันกำลังละเลียดจิบกาแฟ

“คะ?” ฉันวางแก้วลงช้าๆ เงยหน้าขึ้นมองเขา ให้ตายเถอะ ในวันหยุด กับบรรยากาศสบายๆ ในร้านอาหารเล็กๆ กลางเมืองที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เหลือเชื่อว่าผู้ชายคนนี้ยังคงถามฉันด้วยน้ำเสียงและประโยคเดิมๆ

โดยไม่รอคำตอบ เขาหยิบบางอย่างส่งให้

“เห็นว่าคุณชอบอ่านหนังสือ พอดีผมไปเจอเล่มนี้มา คิดว่าคุณน่าจะชอบ”

“ค่ะ” ฉันรับมาโดยไม่ลืมเอ่ยปากขอบคุณ เขาพูดต่อทันที

“ผมอยากให้คุณอ่าน อยากรู้ว่าคุณคิดยังไง”

“ตอนนี้เลยหรือคะ?” ฉันพลิกดูหนังสือเล่มหนาในมือ

“แค่เปิดผ่านๆ ก็ได้...”

“ถ้าคุณว่าง” เขายิ้ม

ฉันรับมากวาดสายตาไล่ดูบทแรก “แบบผ่านๆ” อย่างเขาว่า เห็นชื่อตัวละครบางตัวเป็นภาษาต่างประเทศ ที่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ภาษาอังกฤษ จึงหันไปมองเขาอย่างแปลกใจ และเมื่อพลิกกลับมาดูที่หน้าปกอีกครั้ง จึงได้รู้ว่า ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เป็นสตรีชาวอินเดีย

สายตาฉันสะดุดอยู่ที่บางประโยคซึ่งปรากฎอยู่ในช่วงต้นของหนังสือ ...ประโยคที่ถูกพูดซ้ำในสองหน้าติดๆ กัน...

…They all crossed into forbidden territory. They all tampered with the laws that lay down who should be loved and how. And how much. The laws that make grandmothers grandmothers, uncles uncles, mothers mothers, cousins cousins, jam jam, and jelly jelly…”

“… Equally, it could be argued that it actually began thousands of years ago. Long before the Marxists came. Before the British took Malabar, Before the Dutch Ascendency, before Vasco da Gama arrived, before the Zamorin’s conquest of Calicut…

That it really began in the days when the Love Laws were made. The laws that lay down who should be loved and how. And how much.”

“กฎเกณฑ์ที่กำหนดในเรื่องของความรัก??” ฉันทวนคำพูดในหนังสืออย่างแปลกใจ

“ใช่” เขาตอบ “คุณนี่ตาไวนะ”

“คุณต้องการจะบอกอะไรฉัน” ฉันปิดหนังสือ หันไปมองคนตรงหน้า

“ไว้อ่านจบทั้งหมดคุณก็จะรู้เอง” เขากอดอก เอนหลังพิงเบาะนุ่มๆ ภายในร้านอย่างสบายใจ

“แต่เท่าที่ผมอยากรู้ตอนนี้ก็คือ คุณคิดว่ามันมีอยู่จริงไหม?”

“อะไรคะ”

“กฎเกณฑ์-ที่-กำหนด-ในเรื่องของ-ความรัก” เขาจงใจทวนคำพูดฉัน

“กฎเกณฑ์ที่เราต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีทางเลี่ยง กฎเกณฑ์ที่กำหนดความรักของเรา กฎเกณฑ์ที่บอกเราว่า เราสามารถรักใครได้บ้าง จะรักได้แค่ไหน และต้องรักอย่างไร”

“ฉันเชื่อว่าความรักเป็นเรื่องธรรมชาติ...” ฉันตอบ “...ถึงยังไงความรักก็ต้องอยู่ใต้กฎของธรรมชาติ”

“งั้นหรือ?” ชายหนุ่มเปลี่ยนอิริยาบทจากท่ากอดอกพิงพนัก มาเป็นนั่งเท้าศอกลงบนโต๊ะตัวเล็ก

“น่าแปลกที่ผมไม่เชื่ออย่างนั้น”

“คุณเองก็รู้ ในเรืองที่เกี่ยวกับกฎเกณฑ์และกฎหมาย ฝ่ายสำนักกฎหมายธรรมชาติ เชื่อว่าโลกเรามีกฎเกณฑ์จากพระเจ้า กฎเกณฑ์อันเกิดจากศีลธรรมและความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของมนุษย์ ดังนั้น กฎเกณฑ์ที่ถูกกำหนดขึ้นมาใช้กับมนุษย์ จึงต้องไม่ขัดหรือแย้งกับกฎธรรมชาติ”

“ส่วนสำนักกฎหมายฝ่ายบ้านเมือง กลับเชื่อว่า กฎหมายมีไว้เพื่อรักษาความสงบของบ้านเมืองและควบคุมความประพฤติของคน ดังนั้น กฎหมายจึงอาจไม่จำเป็นต้องถูกต้องตามศีลธรรมหรือความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของมนุษย์ก็ได้ หรืออาจไม่ยุติธรรมหรือไม่เป็นธรรมเลยก็ยังได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สิ่งนั้นก็ยังคงเป็นกฎหมาย...”

ฉันอ้าปากเตรียมเถียง แต่เขาชิงขัดขึ้นเสียก่อนด้วยแววตาเป็นประกาย

“เอาละ ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยกับแนวคิดไหนก็ตาม ผมว่าทั้งสองเรื่องนี้เอามาใช้กับความรักไม่ได้” รีบสรุป

“เดี๋ยวเรายังต้องไปดูหนังกันอีกใช่ไหม คุณเอาเล่มนี้ไปอ่านให้จบเถอะ แล้วคุณจะรู้ว่าที่ผมพูดหมายความว่ายังไง”

เขาลุกขึ้น หันมาดึงมือฉันให้ลุกตาม

“แต่ผมยังเชื่อจริงๆนะว่า เวลาเรารักใคร เราสามารถจะก้าวข้ามกฎเกณฑ์อะไรต่อมิอะไรไปได้จริงๆ”



* จากนวนิยายเรื่อง The God of Small Things โดย Arundhati Roy


ไม่มีความคิดเห็น: